วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

“พริกหวาน” มีต้นขายผลสวยอร่อย ( 17 ก.พ. 52 )

ผู้อ่าน จำนวนมากที่ชอบปลูกพืชผักสวนครัวอยากทราบว่า “พริกหวาน” มีต้นขายที่ไหน และขอให้แนะนำวิธีปลูกด้วย ซึ่งเป็นจังหวะที่พบว่ามีผู้ขยายพันธุ์ต้น “พริกหวาน” วางขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ เมื่อไม่นานมานี้ จึงรีบสนองความต้องการทันที

พริกหวาน หรือ BELLPEPPER หรือ CAPSICUM มีถิ่นกำเนิดจากอเมริกา ใต้และแพร่กระจายพันธุ์ปลูกไปทั่วโลกตั้งแต่ ค.ศ.1493 เป็นพืชล้มลุกในกลุ่ม NIGHT-SHADE กลุ่มเดียวกันกับมะเขือเทศ มะเขือม่วง เป็นต้น ซึ่ง “พริกหวาน” มีด้วยกันหลายสี คือ สีเขียว สีแดง สีเหลือง สีส้ม สีม่วง สีดำ และ สีขาว แต่ที่นิยมปลูก นิยมรับประทานและมีผลขายทั่วไป ได้แก่ชนิด สีเขียว สีแดง และ สีเหลือง

สามสี ที่กล่าวมา สีเขียว จะมีความหวานน้อยที่สุด ส่วนสีแดงกับสีเหลืองหวานที่สุด ลักษณะต้นสูงครึ่งฟุตถึงหนึ่งฟุต หรือสูงกว่านั้นอยู่ที่สายพันธุ์ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ สีเขียวสด ดอก สีขาว “ผล” รูปทรงกลมรีเล็กน้อย รอบผลมีร่องแบ่งเป็นพูๆ 4 ร่อง ผลโตเต็มที่ประมาณผลส้มเขียวหวาน ด้านในกลวงมีเมล็ด เนื้อหนา รสชาติเผ็ดปนหวาน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมผ่าหรือฝานเป็นชิ้นบางๆทำสลัดผัก ปรุงเป็นผัดพริกหวานกุ้งสดใส่งาดำ ยำพริกหวานใส่กุ้งสุก และอื่นๆ รับประทานอร่อยมาก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปัจจุบัน “พริกหวาน” มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวน จตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 19 แผง “นายดาบสมพร” ราคาสอบถามกันเอง

การปลูก “พริกหวาน” ชอบแดด ไม่ ชอบน้ำท่วมขัง ถ้าปลูกลงดินจำนวนหลายๆต้น ต้องยกแปลงปลูกให้สูง ปรุงดินผสมแกลบดิบ แกลบดำ (แกลบเผา) ฟาง แห้งสับละเอียด ขี้วัวขี้ควายแห้ง คลุกให้เข้ากันจนได้ที่ เกลี่ยหน้าดินให้เรียบ นำต้นลงปลูกห่างกัน 1 ฟุตครึ่ง ใช้ฟางแห้งปิดทับหน้าดินตลอดทั้งแปลงในช่วงปลูกตอนแรก รดน้ำพอชุ่มเช้าเย็น บำรุงปุ๋ยสูตร 16-16-16 สลับกับปุ๋ยคอก ปุ๋ยชีวภาพครึ่งเดือนครั้ง เมื่อสังเกตเห็นว่าต้นตั้งตัวได้ดีแล้วสามารถเอาฟางแห้งที่ปิดทับหน้า แปลงออกได้

จากนั้น 7-8 เดือน ต้น “พริกหวาน” จะ มีดอกและติดผล ซึ่งตอนนี้มักจะมีเพลี้ยเกาะกินใบให้ใช้สารสะเดาฉีดพ่นบางๆ อาทิตย์ ละครั้ง เมื่อผลสุกหรือแก่สามารถเก็บรับประทานหรือเก็บขายได้ ต้นหนึ่งจะเก็บผลได้ 1-2 ชุด จากนั้นจะตายตามวัฏจักรของพืชล้มลุก ดังนั้น จึงต้องเก็บผลแก่จัดผ่าเอาเมล็ดตากแห้งเพาะขยายพันธุ์เตรียมไว้ให้พอดีกับ ต้นที่ตาย จะได้มี “พริกหวาน” รับประทานหรือขายไม่ขาดระยะครับ.

“นายเกษตร”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น