วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

“กระดังงาแดง” สวยแปลก ( 5 ก.พ. 52 )


ไม้ต้นนี้ เป็นไม้ในตระกูลกระดังงา ถูกค้นพบในป่าบนเขาใหญ่นานหลายปีแล้วและผู้ค้นพบได้นำเอาเมล็ดไปทดลองเพาะ ขยายพันธุ์ในพื้นที่ราบ ปรากฏว่าสามารถเติบโตได้ดีและมีดอกสีสันงดงาม ดอกมีขนาดใหญ่น่าชมเหมือนแตกต้นในป่าธรรมชาติจึงนำดอกและรูปถ่ายของดอกไปสอบ ถามผู้รู้ระดับเซียนเกี่ยวกับไม้ในสกุลกระดังงา แต่ทุกคนต่างบอกว่า ไม่เคยเห็นมาก่อนและไม่ทราบชื่อ เลยเรียกกันว่า “กระดังงาแดง” ดังกล่าว พร้อมกับขยายพันธุ์ตอนกิ่งเพิ่มจำนวนออกจำหน่ายให้ผู้ชื่นชอบซื้อหาไปปลูกประดับเมื่อไม่นานมานี้ และมีผู้สนใจกันมากมาย

กระดังงาแดง เป็นไม้ป่าไทย พบขึ้นบนเขาใหญ่ตามที่กล่าวข้างต้น ลักษณะเป็นไม้กึ่งเลื้อยสูงหรือยาวได้กว่า 5-10 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มแน่น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ใบเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบเกือบมน ใบมีขนาดใหญ่ เนื้อใบหนา ด้านหน้าสีเขียวสด เป็นมัน ด้านล่างสีเขียวหม่น ใบดกมาก

ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบ แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อย 3-5 ดอก มีกลีบเลี้ยงสีเขียวรูปกรวยสั้น กลีบดอก 3 กลีบ เป็นรูปหัวใจคล้ายกลีบดอกลำดวน เนื้อกลีบหนาแข็ง ใจกลางดอกมีกลีบชั้นในเป็นรูปทรงกลมเนื้อกลีบหนากว่ากลีบชั้นนอก เรียงกันเป็นระเบียบคล้ายเส้า 3 ก้อน ตั้งสูงเหนือกลีบดอก ดอกโดยรวมเป็นสีชมพูปนแดง หรือ สีแดง โคนกลีบดอกเป็นสีแดงเลือดนกชัดเจน จึงถูกตั้งชื่อว่า “กระดังงาแดง” ตามสายพันธุ์และสี เวลามีดอกสวยงามมาก


ผล รูปกลมรี ติดผลเป็นช่อ 20-30 ผล ผลอ่อนเป็นสีเขียวอ่อนคล้ายผลองุ่นเขียว เมื่อผลสุกจะเป็นสีแดง หรือสีส้ม ภายในมีเมล็ด ดอกออกเกือบทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง ปัจจุบัน “กระดังงาแดง” มีต้นขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 9 แผง “คุณมนูญ” มีทั้งต้นเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง ราคาสอบถามกันเอง

การปลูก เหมาะจะปลูกประดับในบริเวณบ้าน ปลูกประดับตามสวนสาธารณะและปลูกตามสำนักงานต่างๆ เป็นไม้รากหยั่ง ชอบแดดไม่ชอบน้ำท่วมขัง หลังปลูกในช่วงแรกรดน้ำพอชุ่มวันละครั้ง บำรุงปุ๋ยจำพวกขี้วัวหรือขี้ควายแห้งโรยกลบฝังดินรอบโคนต้น 2 เดือนครั้ง สลับกับใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 เดือนละครั้ง เมื่อต้นตั้งตัวได้จนมียอดใหม่แตกให้เห็นสามารถปล่อยให้เทวดาเลี้ยงได้ ต้นสูง 3 เมตร จะเริ่ม ติดดอกชุดแรกและมีดอกเรื่อยๆ ไม่ขาดต้นดูสวยงามน่ารักมากครับ.

“นายเกษตร”

“มะม่วงอกร่องหยาดพิรุณ” หวานจัดอร่อย ( 6 ก.พ. 52 )


มะม่วง ที่ถือว่ามีความหวานเป็นที่สุด ได้แก่ มะม่วงน้ำตาลเตา ส่วน “มะม่วงอกร่องหยาดพิรุณ” จัดอยู่ในกลุ่มที่มีความหวานจัดเป็นรองมะม่วงน้ำตาลเตาเล็กน้อย แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ “มะม่วงอกร่องหยาดพิรุณ” นั้น คือ กลิ่นหอมและรสชาติจะเป็นมะม่วงอกร่องอย่างชัดเจน ใครได้กินแบบไม่เห็นผลจะรู้ได้โดยธรรมชาติเลยว่าคือเนื้อมะม่วงอกร่องที่ คุ้นเคยและนิยมรับประทานกันมาช้านาน

มะม่วงอกร่องหยาดพิรุณ เป็นมะม่วงอกร่องกลายพันธุ์ที่เกิดจากการเพาะด้วยเมล็ดของมะม่วงอกร่อง พันธุ์ดั้งเดิม เมื่อแตกต้นนำไปปลูกจนติดผลแล้วมีความแตกต่างจากพันธุ์ดั้งเดิมคือ รูปทรงของผลจะมีขนาดใหญ่ เมล็ดลีบ เนื้อเยอะ และที่ถือว่าเป็นสุดยอดได้แก่ รสชาติผลสุกจะหวานจัดกว่ามะม่วงอกร่องพันธุ์ดั้งเดิมเยอะ เจ้าของผู้ขยายพันธุ์จึงตั้งชื่อว่า “มะม่วงอกร่องหยาดพิรุณ” โดย มีแหล่งปลูกอยู่ย่านบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. และได้ตอนกิ่งหรือทาบกิ่งออกจำหน่าย ได้รับความนิยมจากผู้ปลูกแพร่หลายในปัจจุบัน

มะม่วงอกร่องหยาดพิรุณ เป็นไม้ยืนต้นสูง 10-20 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับเป็นคู่ๆ หนาแน่นบริเวณปลายกิ่ง ใบเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมน เนื้อใบค่อนข้างหนา ใบมีขนาดใหญ่และยาวกว่าใบมะม่วงอกร่องทั่วไป สีเขียวสด

ดอก ออกเป็นช่อแบบแยกแขนงช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกเป็นสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอม “ผล” เป็น รูปกลมรี มีลักษณะเป็นรูปทรงของมะม่วงอกร่องชัดเจน แต่ผลจะใหญ่กว่า เนื้อเยอะ เมล็ดลีบ ผลดิบรสเปรี้ยวจัด ผลสุกเนื้อในเหนียวไม่เละ รสหวานจัดประมาณ 24 องศาบริกซ์ ซึ่งหวานน้อยกว่ามะม่วงน้ำตาลเตาเล็กน้อย (มะม่วงน้ำตาลเตาประมาณ 27-28 องศาบริกซ์) ผลโตเต็มที่ของ “มะม่วงอกร่องหยาดพิรุณ” 4 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม เวลาติดผลเป็นพวง 5-6 ผล ต่อพวง และติดผลดกมาก มีผลเพียงปีละครั้ง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่งและทาบกิ่ง

ปัจจุบัน “มะม่วงอกร่องหยาดพิรุณ” มี ต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 19 แผง “นายดาบสมพร” ราคาสอบ ถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกเก็บผลรับประทานในครัวเรือน หรือปลูกจำนวนหลายๆ ต้น เพื่อเก็บผลขาย หลังปลูกดูแลรดน้ำบำรุงปุ๋ยพร้อมตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอ เวลาติดผลดกเต็มต้น จะคุ้มค่ามากครับ.

“นายเกษตร”

“ถั่วเขียว” แก้เข่าเสื่อม ( 10 ก.พ. 52 )


อาการ ของโรคเข่าเสื่อมส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับคนสูงอายุ เมื่อเป็นแล้วจะปวดตามข้อเข่าทำให้เดิน เหินลำบาก บางคนเป็นถึงขนาดเดินไม่ได้ก็มี ต้องไป พบแพทย์กระดูกรักษาจึงจะหายหรืออาการดีขึ้น ซึ่งในทางสมุนไพรมีสูตรแก้โรคเข่าเสื่อม หรือ รักษา อาการโรคเข่าเสื่อมได้ ให้เอา “ถั่วเขียว” กะจำนวนตามต้องการต้มกับน้ำซาวข้าวน้ำที่ 2 เพราะน้ำแรกจะสกปรก กะจำนวนน้ำตามต้องการเช่นกัน ต้มจนเดือด ดื่มกินทั้งน้ำและเนื้อครั้งละครึ่งแก้วก่อนอาหารเช้ากลางวันเย็น ต้มกิน 10 วัน อาการจะไม่ปวด เดินเหินได้สะดวกขึ้น สามารถต้มกินได้เรื่อยๆ ไม่มีอันตรายใดๆ

ถั่วเขียว หรือ GREEN BEAN มีถิ่น กำเนิดจากประเทศอินเดีย อยู่ในวงศ์ PAPILIONOIDEAE มีสรรพคุณทางโภชนาการ กินต้ม “ถั่วเขียว” ในช่วงฤดูร้อนจะช่วยลดอาการเมาแดด ปวดบวม ฝี ตุ่มหนองได้ นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ยังช่วยลดไขมันในเลือด บำรุงตับ ต้านภูมิแพ้ด้วย

อย่างไรก็ตาม “ถั่วเขียว” มีฤทธิ์เย็น คนที่มีธาตุเย็น หรือมีร่างกายอ่อนแอไม่ควรรับประทานมากเกินไป ซึ่ง “ถั่วเขียว” มีขายตามตลาดสดทั่วไป หาซื้อได้ง่าย และสูตรทำก็ง่ายทดลองทำดู ถ้าถูก โฉลกโรคเข่าเสื่อมหายได้ถือว่าโชคดีที่สุด

ครับ หนังสือ “สมุนไพรไม้ ประดับหายาก” เล่มที่ 4 ของ “นายเกษตร” พิมพ์ สี่สีทั้งเล่มปกแข็ง กระดาษ อาร์ตอย่างดี เย็บกี่แน่นและทนทาน เนื้อหาในเล่มเต็มไปด้วยสูตรยาสมุนไพรดีๆ ที่สามารถทำเองได้ ไม้ดอกไม้ผลหายากมากมาย ไม่น้อยกว่า 150 ชนิด พิมพ์จำนวนจำกัด ไม่ วางขายที่ไหน หมดแล้วหมดเลย ราคาเล่มละ 600 บาท บวกค่าส่งเล่มละ 30 บาท ส่งธนาณัติซื้อสั่งจ่าย “คุณนงลักษณ์ ศรีอัชรานนท์” ตู้ ปณ. 48 ปณฝ.สาขาสามแยกลาดพร้าว กทม. 10901 ระบุที่อยู่ให้ชัดเจน หนังสือถึงมือไม่ช้า

หรือ สอบถามผลิตภัณฑ์สมุนไพร น้ำมันสมุนไพร ทาแก้ปวดข้อ ปวดบวม เข่าอักเสบ ปวดข้อรูมาตอย, ยาลดเบาหวานแคปซูล รับประทานได้กับทุกธาตุ, ว่านชักมดลูก ช่วยทำให้มดลูกกระชับ มดลูกเข้าอู่เร็วหลังคลอด แก้น้ำคาวปลา ดับกลิ่นเหม็น แก้ต่อมลูกหมากอักเสบ และไส้เลื่อนในบุรุษ, ชาดอกยี่สุ่น ต้มดื่มเป็นยาอายุวัฒนะ, กระเทียมโทนแก้หอบหืด แก้ไอละลายเสมหะที่เกิดจากหอบหือและแก้ถุงลมโป่งพอง, ดีบัวแคปซูล ช่วยขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองและหัวใจ, ตรีผลา ลดไขมันในเส้นเลือด ลดไตรกีเซอร์ไรน์, ครีมโลดทนง รักษาสิวฝ้า ทำให้หน้าเนียนใส รูขุมขนตีบลง, คอลลาเจน 100% ช่วยชะลอรอยย่นบนใบหน้า, ยาต้มคลายเส้นไม้เท้าเฒ่าอาลี แก้ปวดเมื่อย แก้เกาต์ ลดเบาหวาน บำรุงไต บำรุงกำลัง โทร.0-2275-2692 ครับ.

“นายเกษตร”

“อาซาเลียดอกด่าง” สวยแปลก ( 13 ก.พ. 52 )


โดยทั่วไปแล้ว อาซาเลียจะมีดอกเป็นสีล้วนๆ ไม่มีแต้มไม่มีด่าง มีด้วยกันหลายสี เช่น สีขาว ชมพู และสีแดง มีทั้งชนิดกลีบดอกชั้นเดียวและหลายชั้น คนส่วนใหญ่รู้จักอาซาเลียเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงนี้อาซาเลียกำลังมีดอกเบ่งบาน มีต้นวางขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ซื้อหาไปมอบเป็นของขวัญได้ถูกใจทั้งผู้ให้ และผู้รับ

แต่ “อาซาเลียดอกด่าง” เป็น สายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ในประเทศไทย เป็นชนิดที่มีกลีบดอกชั้นเดียว สีของกลีบดอกจะเป็น 2 สี (ปกติเป็นสีขาวล้วน) โดย บริเวณกลีบดอกจะมีลายสีชมพูแต้มเป็นทางยาวจากโคนกลีบไปจนจดปลายกลีบสวยงาม แปลกตามาก ที่สำคัญเวลามีดอกจะทิ้งใบหมดต้น ทำให้ดูน่ารักยิ่งขึ้น

อาซาเลียดอกด่าง หรือ RHODODENDRON HYBRID (AZALEA) อยู่ในวงศ์ ERICA-CEAE เป็นไม้พุ่ม สูงตั้งแต่ครึ่งเมตรไปจนถึง 2 เมตร (พันธุ์ทั่วไปสูงได้ตั้งแต่ 4-10 เมตร) แตกกิ่งก้านกว้าง เปลือกต้นเรียบ เป็นสีนํ้าตาลเทา จัดอยู่ในจำพวกไม้ ผลัดใบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงกันข้ามเป็นคู่ๆ ออกหนาแน่นบริเวณปลายยอด ใบเป็นรูปรีแกมรูปไข่กลับ ปลายใบมนกว้าง โคนใบป้านลึก เนื้อใบค่อนข้างหนาและแข็ง ผิวใบเรียบสีเขียวสดและเป็นมัน

ดอก ออกเป็นช่อกระจะ ออกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อย 3-5 ดอก ซึ่งดอกของ “อาซาเลียดอกด่าง” เป็นชนิดพันธุ์ที่มีกลีบดอกชั้นเดียว ดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายบานเป็นปากแตรและแยกเป็นกลีบดอก 5 กลีบ ปลายกลีบแหลม เป็นสีขาว มีลายสีชมพูแทงขึ้นจากโคนกลีบดอกไปจนถึงปลายกลีบดอกตามที่กล่าวข้างต้น ดอกเมื่อบานเต็มที่เส้นผ่า ศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้วฟุต เวลามีดอกดก และดอกบานสะพรั่งพร้อมกันทั้งต้น จะดูสวยงามมาก ดอกบานได้ทนนานหลายวัน ดอกออกช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมกราคม ปีถัดไป ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง

ปัจจุบัน “อาซาเลียดอกด่าง” มีต้นขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 8 แผง “คุณเผือก” ราคาสอบถามกันเอง การปลูกเติบโตได้ดีทางภาคเหนือ ตอนบนของประเทศ ไทย และทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชอบอากาศหนาวเย็นครับ.

“นายเกษตร”

“ดีปลี” ปลูกกินผลเป็นยา ( 16 ก.พ. 52 )

ดีปลี เป็น พืชสวนครัวชนิดหนึ่ง ที่ยุคสมัยก่อนนิยมปลูกในบริเวณบ้านกันแพร่หลาย สามารถใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง รสชาติเผ็ดร้อนเหมือนกับพริกไทยอ่อน ใช้ปรุงอาหารจำพวกแกงเผ็ด แกงคั่ว ช่วยดับกลิ่นคาว ผลสดเคี้ยวกินเป็นผักเคียงได้ ยอดอ่อนใส่ข้าวยำปักษ์ใต้ ผลสดตำเป็นส่วนหนึ่งของเครื่อง เทศและเครื่องแกงชนิดต่างๆ ชาวต่างชาตินิยมกันมาก ปัจจุบัน ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกกันแล้ว คนรุ่นใหม่น้อยคนนักจะรู้จัก “ดีปลี” จะมีปลูกเฉพาะตามสวนสมุนไพรใหญ่ๆ เพื่อใช้ทำยาไม่กี่แห่ง เชื่อว่าถ้าไม่รณรงค์ให้ปลูกกัน อีกไม่นาน “ดีปลี” ต้องสูญพันธุ์อย่างแน่นอน

ดีปลี หรือ PIPER CHAB HUNT หรือ LONG PEPPER, PIPER RELTROFRACTU VAHL อยู่ในวงศ์ PIPERACEAE เป็น ไม้เถาเลื้อย มีรากฝอยออกบริเวณข้อช่วยยึดเกาะ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับตามข้อ รูปรีกว้าง ปลายใบแหลม โคนมน สีเขียวสด เวลาปลูกให้ต้นหรือเถาเลื้อยตามหลักหรือซุ้ม จะมีใบหนาแน่นน่าชมยิ่ง สามารถเลื้อยหรือไต่ได้ไกล 3-5 เมตร

ดอก ออกเป็นช่อแบบแยกเพศที่ง่ามใบและปลายยอด ดอกเป็นรูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 1-2 นิ้ว ดอกชูตั้งขึ้น มีดอกขนาดเล็กเบียดกันแน่น “ผล” เป็นผลสด สีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดง มีรสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอม หรือ กลิ่นฉุนแรง มีดอกและผลทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่ง มีต้นขายที่ตลาดนัดไม้ดอก ไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง “คุณพร้อมพันธุ์” ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป
ประโยชน์ ทางสมุนไพร ตำรายาไทยใช้ผลแก่จัด แต่ยังไม่สุกตากแห้งเป็นยาขับลม บำรุงธาตุ แก้ท้องเสีย ขับรกหลังคลอด โดยใช้ผล 1 กำมือ หรือประมาณ 10-15 ผล ต้มเอาน้ำดื่ม นอกจากนี้ ผลยังใช้เป็นยาแก้ไอ โดยเอาผลแห้ง ครึ่งผลฝนกับน้ำมะนาวแทรก เกลือป่นเล็กน้อยจิบบ่อยๆ อาการจะหายได้ น้ำมันหอมระเหยและสาร PIPERINE พบว่าสารสกัด “เมทานอล” มีผลยับยั้งการบีบตัวของลำไส้เล็กและสารสกัด “ปิโตรเลียมอีเธอร์” ทำให้สัตว์ทดลองแท้ง ดังนั้น สตรีมีครรภ์จึงควรระวัง
ใบ แก้เส้นสุมนา (เส้นศูนย์กลางท้อง) ผลแก้ธาตุพิการ ท้องร่วง ขับลมในลำไส้ แก้หืด แก้ไอ แก้ลมวิงเวียน แก้ริดสีดวงทวาร แก้หลอดลมอักเสบ แก้โรคนอนไม่หลับ แก้ลมบ้าหมู แก้ปวดกล้ามเนื้อ เกาต์ แก้ปวดฟัน ปวดท้อง ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ ราก แก้เส้นอัมพฤกษ์ อัมพาตดีมาก ในต่างประเทศใช้ผลสดหรือแห้งดองเหล้าดื่มเป็นยาชูกำลังครับ.
“นายเกษตร”

“พริกหวาน” มีต้นขายผลสวยอร่อย ( 17 ก.พ. 52 )

ผู้อ่าน จำนวนมากที่ชอบปลูกพืชผักสวนครัวอยากทราบว่า “พริกหวาน” มีต้นขายที่ไหน และขอให้แนะนำวิธีปลูกด้วย ซึ่งเป็นจังหวะที่พบว่ามีผู้ขยายพันธุ์ต้น “พริกหวาน” วางขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ เมื่อไม่นานมานี้ จึงรีบสนองความต้องการทันที

พริกหวาน หรือ BELLPEPPER หรือ CAPSICUM มีถิ่นกำเนิดจากอเมริกา ใต้และแพร่กระจายพันธุ์ปลูกไปทั่วโลกตั้งแต่ ค.ศ.1493 เป็นพืชล้มลุกในกลุ่ม NIGHT-SHADE กลุ่มเดียวกันกับมะเขือเทศ มะเขือม่วง เป็นต้น ซึ่ง “พริกหวาน” มีด้วยกันหลายสี คือ สีเขียว สีแดง สีเหลือง สีส้ม สีม่วง สีดำ และ สีขาว แต่ที่นิยมปลูก นิยมรับประทานและมีผลขายทั่วไป ได้แก่ชนิด สีเขียว สีแดง และ สีเหลือง

สามสี ที่กล่าวมา สีเขียว จะมีความหวานน้อยที่สุด ส่วนสีแดงกับสีเหลืองหวานที่สุด ลักษณะต้นสูงครึ่งฟุตถึงหนึ่งฟุต หรือสูงกว่านั้นอยู่ที่สายพันธุ์ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ สีเขียวสด ดอก สีขาว “ผล” รูปทรงกลมรีเล็กน้อย รอบผลมีร่องแบ่งเป็นพูๆ 4 ร่อง ผลโตเต็มที่ประมาณผลส้มเขียวหวาน ด้านในกลวงมีเมล็ด เนื้อหนา รสชาติเผ็ดปนหวาน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมผ่าหรือฝานเป็นชิ้นบางๆทำสลัดผัก ปรุงเป็นผัดพริกหวานกุ้งสดใส่งาดำ ยำพริกหวานใส่กุ้งสุก และอื่นๆ รับประทานอร่อยมาก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปัจจุบัน “พริกหวาน” มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวน จตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 19 แผง “นายดาบสมพร” ราคาสอบถามกันเอง

การปลูก “พริกหวาน” ชอบแดด ไม่ ชอบน้ำท่วมขัง ถ้าปลูกลงดินจำนวนหลายๆต้น ต้องยกแปลงปลูกให้สูง ปรุงดินผสมแกลบดิบ แกลบดำ (แกลบเผา) ฟาง แห้งสับละเอียด ขี้วัวขี้ควายแห้ง คลุกให้เข้ากันจนได้ที่ เกลี่ยหน้าดินให้เรียบ นำต้นลงปลูกห่างกัน 1 ฟุตครึ่ง ใช้ฟางแห้งปิดทับหน้าดินตลอดทั้งแปลงในช่วงปลูกตอนแรก รดน้ำพอชุ่มเช้าเย็น บำรุงปุ๋ยสูตร 16-16-16 สลับกับปุ๋ยคอก ปุ๋ยชีวภาพครึ่งเดือนครั้ง เมื่อสังเกตเห็นว่าต้นตั้งตัวได้ดีแล้วสามารถเอาฟางแห้งที่ปิดทับหน้า แปลงออกได้

จากนั้น 7-8 เดือน ต้น “พริกหวาน” จะ มีดอกและติดผล ซึ่งตอนนี้มักจะมีเพลี้ยเกาะกินใบให้ใช้สารสะเดาฉีดพ่นบางๆ อาทิตย์ ละครั้ง เมื่อผลสุกหรือแก่สามารถเก็บรับประทานหรือเก็บขายได้ ต้นหนึ่งจะเก็บผลได้ 1-2 ชุด จากนั้นจะตายตามวัฏจักรของพืชล้มลุก ดังนั้น จึงต้องเก็บผลแก่จัดผ่าเอาเมล็ดตากแห้งเพาะขยายพันธุ์เตรียมไว้ให้พอดีกับ ต้นที่ตาย จะได้มี “พริกหวาน” รับประทานหรือขายไม่ขาดระยะครับ.

“นายเกษตร”