วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ คว้ารางวัล วันนักประดิษฐ์ ปี 51

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือต้องการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นในประเทศได้ จึงร่วมมือกันทำการวิจัยและพัฒนาเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำของไทย และขยายพื้นที่การผลิตไฟฟ้าพลังน้ำไปยังแหล่งน้ำที่มีศักยภาพทั่วประเทศ โดยพึ่งพาเทคโนโลยีภายในประเทศ ที่ผ่านมาทีมวิจัยสามารถสร้างเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ต้นแบบ และพัฒนาเครื่องให้สามารถใช้ได้จริง โดยมีการติดตั้งและทดสอบการใช้งานที่เขื่อนแม่จาง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง มาแล้วกว่า 1 ปี ซึ่งผลงาน เครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กเขื่อนแม่จาง นี้ได้รับ รางวัลชมเชย สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย จากสำนักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ ในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2551 เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา



“เครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่มีการพัฒนาและใช้งานในต่างประเทศมีหลายขนาด แต่สำหรับประเทศไทยแหล่งน้ำส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเขื่อนและฝายที่ได้รับการพัฒนาเพื่อการชลประทานส่วนใหญ่เป็นเขื่อนขนาดเล็ก ทีมวิจัยจึงมุ่งสร้างองค์ความรู้เครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กก่อน ซึ่งเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กเขื่อนแม่จาง เป็นเครื่องที่ได้พัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องต้นแบบ โดยหัวใจสำคัญของการพัฒนาเครื่องอยู่ที่การออกแบบรูปร่างของกังหัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดที่ความสูงหัวน้ำ (ความต่างระดับน้ำที่หน้าเขื่อนและท้ายเขื่อน) แตกต่างกัน โดยเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กเขื่อนแม่จางได้พัฒนารูปร่างของกังหันน้ำให้เหมาะกับความสูงหัวน้ำ 13 เมตร และมีกำลังผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 160 กิโลวัตต์ โดยสามารถเดินเครื่องได้ที่ความสูงหัวน้ำต่ำกว่าหรือสูงกว่า 13 เมตรได้ไม่เกิน 10%” นายประโมทย์ ฉมามหัทธนา ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กฟผ. กล่าว



ทั้งนี้ องค์ความรู้จากการวิจัย อาทิ การออกแบบรูปร่างกังหันให้เหมาะกับความสูงหัวน้ำ การผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ จะช่วยลด ค่าใช้จ่ายการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กได้มากกว่าครึ่ง เนื่องจากค่าใช้จ่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศ และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงจะมีราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศมาก โดยมีราคาติดตั้งอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท ต่อ 1 กิโลวัตต์ จากเดิมที่ใช้เทคโนโลยีต่างประเทศ 60,000-70,000 บาท ต่อ 1 กิโลวัตต์ จึงทำให้การขยายพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งการขยายพื้นที่ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กตามแหล่งน้ำต่าง ๆ สามารถทำได้โดยเริ่มจากเขื่อนชลประทานที่มีการส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งหากมีการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมากขึ้นจะช่วยชะลอการสร้างโรงไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ ได้ อีกทั้งการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำยังมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง จึงไม่ต้องห่วงเรื่องราคาเชื้อเพลิงและราคาค่าไฟฟ้า



นายประโมทย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงข้อดีของโรงไฟฟ้าพลังน้ำว่า การผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้ระบบไฟฟ้าของประเทศมีความมั่นคง เพราะทำให้ไฟฟ้ามีคุณภาพดี และมีแสงสว่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังสามารถรับโหลดไฟฟ้าที่มีการเปลี่ยนแปลงมากได้ เช่น หากมีความต้องการไฟฟ้าจำนวนมากในเวลากะทันหัน โรงไฟฟ้าพลังน้ำสามารถผลิตไฟฟ้าให้ได้ทันทีภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที ซึ่งโรงไฟฟ้าประเภทอื่นไม่สามารถทำได้ ดังนั้น การส่งเสริมให้ติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมากขึ้น จึงเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด และเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ลดโลกร้อน ลดการนำเข้าไฟฟ้าและเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศได้เป็นอย่างดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น